เคยไหมคะที่รู้สึกว่าเว็บไซต์ของเราอยู่ดี ๆ ก็มีอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นความช้า อืด หรือถึงขั้นเข้าไม่ได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคืออันดับใน Google ก็ร่วงเอา ๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดปกติเลย? เรื่องแบบนี้ฟังดูเหมือนฝันร้าย แต่กลับเกิดขึ้นจริงกับเว็บไซต์หนึ่ง จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่เว็บไซต์ Search Engine Journal (@sejournal) ได้นำมาตีแผ่ และแน่นอนว่า Google ไม่ได้นิ่งเฉยค่ะ โดยเฉพาะฮีโร่ในวงการ SEO อย่าง Martin Splitt (@martinibuster) ได้ออกมาให้คำชี้แจงด้วยตัวเอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวนี้กันค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น และเราในฐานะเจ้าของเว็บไซต์จะเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้ได้บ้าง
เหตุการณ์ไม่คาดฝัน: เมื่อ Googlebot “DDoS” เว็บไซต์ตัวเอง?
เรื่องราวเริ่มต้นจากเจ้าของเว็บไซต์รายหนึ่งที่สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างรุนแรงบนเซิร์ฟเวอร์ของตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคล้ายกับการถูกโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) อย่างมาก ซึ่งเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าทำให้เซิร์ฟเวอร์หรือเครือข่ายล่ม ด้วยการส่งทราฟฟิกจำนวนมหาศาลเข้าไปพร้อมกัน แต่ในกรณีนี้ ผู้ต้องสงสัยกลับเป็น… Googlebot!
จุดเริ่มต้นของปัญหา
- ปริมาณการ Crawl ที่ผิดปกติ: เว็บไซต์ดังกล่าวรายงานว่า Googlebot ได้เข้ามา Crawl หรือเก็บข้อมูลเว็บไซต์ในปริมาณที่สูงกว่าปกติมาก ๆ จนทำให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักเกินพิกัด
- พฤติกรรมคล้าย DDoS: แม้จะไม่ใช่การโจมตีจากผู้ไม่หวังดี แต่การเข้ามา Crawl อย่างบ้าคลั่งของ Googlebot ในครั้งนี้ กลับสร้างผลกระทบคล้ายกับการถูก DDoS คือทำให้เว็บไซต์โหลดช้ามาก หรือบางครั้งก็เข้าถึงไม่ได้เลย
อาการและผลกระทบที่น่าตกใจ
เมื่อเว็บไซต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือล่มบ่อย ๆ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และแน่นอนว่า Google ซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้เป็นอันดับต้น ๆ ก็จะมองว่าเว็บไซต์มีปัญหา และผลลัพธ์ที่ตามมาคือ:
- อันดับใน Google ร่วงอย่างน่าใจหาย: นี่คือผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ เพราะเมื่ออันดับตก ย่อมหมายถึงการสูญเสียผู้เข้าชม และโอกาสทางธุรกิจ
- เว็บไซต์ไม่สามารถเข้าถึงได้: ทำให้ผู้ใช้งานจริงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล หรือบริการบนเว็บไซต์ได้ ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ
- เซิร์ฟเวอร์โอเวอร์โหลด: ค่าใช้จ่ายในการดูแลเซิร์ฟเวอร์อาจเพิ่มขึ้น และอาจเกิดความเสียหายกับระบบได้หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
เสียงสะท้อนจาก Google: Martin Splitt ออกโรงชี้แจงด้วยตัวเอง
เมื่อเรื่องนี้ถูกตีแผ่โดย Search Engine Journal และได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในวงการ SEO ชื่อของ Martin Splitt วิศวกรจาก Google และบุคคลที่มักจะให้ความกระจ่างในเรื่องที่เกี่ยวกับ Googlebot และการทำ SEO ที่ซับซ้อน ก็ได้ออกมาตอบข้อสงสัยด้วยตัวเอง เหมือนมีฮีโร่มาโปรดเลยค่ะ
การรับทราบปัญหาและแนวทางเบื้องต้น
Martin Splitt ยืนยันว่า Google ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และชี้แจงว่าแม้เหตุการณ์นี้จะคล้ายกับการถูก DDoS แต่โดยปกติแล้ว Googlebot ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเว็บไซต์ หรือทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่ม เพียงแต่ในบางกรณี อาจเกิดความผิดพลาด หรือมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ Googlebot เข้ามา Crawl มากเกินไป
- ไม่ใช่การโจมตี: Martin ยืนยันว่า Googlebot มีโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ Crawl เว็บไซต์มากเกินไปจนเป็นอันตราย แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้งระบบอาจมีข้อผิดพลาด หรือทำงานผิดปกติได้
- การแก้ไขจาก Google: หาก Google ตรวจพบว่า Googlebot กำลังสร้างภาระให้กับเซิร์ฟเวอร์มากเกินไป ระบบจะพยายามปรับลดความถี่ในการ Crawl ลงโดยอัตโนมัติ
เหตุผลที่เป็นไปได้และคำแนะนำจาก Martin Splitt
Martin ยังได้ให้คำแนะนำและเหตุผลเบื้องต้นที่เป็นไปได้สำหรับกรณีที่ Googlebot ทำงานผิดปกติ:
- การเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์: หากเว็บไซต์มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่จำนวนมาก ปรับโครงสร้าง หรือมี Sitemap ใหม่ Googlebot อาจจะเข้ามา Crawl บ่อยขึ้นเพื่ออัปเดตข้อมูล
- ปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์เอง: บางครั้งเว็บไซต์อาจมีปัญหาเรื่องการกำหนดค่า (Configuration) หรือการจัดการ Resource ที่ไม่เหมาะสม ทำให้ Googlebot เข้ามา Crawl และเกิดปัญหาได้ง่าย
- ตรวจสอบ Google Search Console: Martin แนะนำให้เจ้าของเว็บไซต์ตรวจสอบ “Crawl Stats” ใน Google Search Console ซึ่งจะแสดงข้อมูลว่า Googlebot เข้ามา Crawl บ่อยแค่ไหน และ Crawl อะไรบ้าง เพื่อดูว่ามีส่วนไหนที่ผิดปกติไปจากเดิม
- การตั้งค่า Crawl Rate: ในกรณีที่เว็บไซต์มีขนาดใหญ่มาก ๆ และมีปัญหาเรื่อง Server Load บ่อยครั้ง Search Console มีฟีเจอร์ให้เราสามารถตั้งค่า “Crawl Rate” หรือความเร็วในการ Crawl ของ Googlebot ได้ (แต่ฟีเจอร์นี้อาจไม่มีให้ใช้สำหรับทุกเว็บไซต์ และควรใช้ด้วยความระมัดระวัง)
- สื่อสารกับ Google: หากตรวจสอบแล้วพบว่า Googlebot เป็นสาเหตุของปัญหาจริง ๆ Martin แนะนำให้รายงานปัญหาผ่าน Feedback ใน Google Search Console หรือช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้ Google ตรวจสอบและแก้ไข
บทเรียนและข้อคิดสำหรับเว็บมาสเตอร์: ป้องกันไว้ดีกว่าแก้
เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องย้ำเตือนที่ดีสำหรับทุกคนที่ทำเว็บไซต์ ว่าการทำ SEO ไม่ได้มีแค่เรื่องคอนเทนต์หรือคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ยังมีมิติทางเทคนิคที่สำคัญไม่แพ้กันค่ะ
การเตรียมความพร้อมของ Server และโครงสร้างเว็บไซต์
- ความแข็งแกร่งของ Server: ลงทุนกับโฮสติ้งที่มีคุณภาพ สามารถรองรับทราฟฟิกได้ดี และมีความยืดหยุ่นในการปรับเพิ่ม Resource ได้ง่าย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหน Googlebot จะมาเยือนอย่างเต็มที่
- การตรวจสอบ Log และประสิทธิภาพ: ควรมีเครื่องมือสำหรับมอนิเตอร์ประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์และ Log การเข้าชมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- การจัดการ Crawl Budget: แม้จะฟังดูซับซ้อน แต่การทำความเข้าใจเรื่อง Crawl Budget และการกำหนดค่า `robots.txt` หรือ `sitemap.xml` ให้ถูกต้อง จะช่วยให้ Googlebot เข้ามา Crawl เฉพาะส่วนที่จำเป็นและมีคุณค่า
การสื่อสารกับ Google และการเรียนรู้
- ใช้ Google Search Console ให้เกิดประโยชน์สูงสุด: นี่คือเครื่องมือที่ Google มอบให้เราใช้ฟรี ๆ และเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึก ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ การ Crawl การ Index และปัญหาทางเทคนิคต่าง ๆ
- ติดตามข่าวสารจาก Google: Google มีการอัปเดตและเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมอยู่เสมอ การติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น Blog ของ Google หรือผู้เชี่ยวชาญอย่าง Martin Splitt จะช่วยให้เราเท่าทันสถานการณ์
- อย่าตื่นตระหนก: หากเกิดปัญหาขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำคือตั้งสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด และพยายามหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนที่จะลงมือแก้ไข หรือหากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
สุดท้ายนี้ เหตุการณ์ Googlebot “DDoS” เว็บไซต์ตัวเองนี้ แม้จะฟังดูน่ากังวล แต่ก็เป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่สอนให้เรารู้ว่า การทำเว็บไซต์ต้องมีความเข้าใจในทุกมิติ ทั้งในแง่ของเนื้อหา ประสบการณ์ผู้ใช้ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “มิติทางเทคนิค” ค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าละเลยการดูแลหลังบ้านของเราให้ดีนะคะ!
“`